องค์ประกอบในร่างกายมนุษย์ ได้แก่ โปรตีน, แร่ธาตุ, น้ำในร่างกายและไขมันในร่างกาย ซึ่งเกี่ยวข้องกับสุขภาพโดยตรง การวิเคราะห์ส่วนประกอบเชิงปริมาณและการวิเคราะห์องค์ประกอบในร่างกาย สามารถให้ข้อมูลที่จำเป็นต่อการประเมินภาวะของร่างกาย
InBody ใช้ BIA
ในช่วงปลายทศวรรษ 1960 เริ่มใช้ Bioelectrical Impedance Analysis (BIA) ครั้งแรกในการวัดน้ำในร่างกาย โดยใช้ไฟฟ้ากระแสสลับขนาดเล็ก และได้ดัชนีค่าความต้านทานไฟฟ้าออกมา ตามหลักที่ว่า ร่างกายมีน้ำและระดับของการต้านทานไฟฟ้า
ช่วงปลายทศวรรษ 1980 ใช้วิธี BIA วัดค่าความต้านทานในร่างกายโดยใช้ความถี่เดียว ซึ่งผลที่ได้ไม่ถูกต้องและต้องใช้ตัวแปรทางสถิติในการแก้ไข ข้อมูลที่ได้มีความจำเพาะสูง ไม่สามารถนำมาใช้ในระดับสากลได้ และยังส่งผลกระทบต่อความแม่นยำ
InBody ประสบความสำเร็จในข้อจำกัดของ BIA
ข้อจำกัดของ BIA ในด้านเทคโนโลยี เป็นแรงบันดาลใจในการประสบความสำเร็จ โดยแก้ไขข้อจำกัดนี้ด้วยนวัตรรมทางเทคโนโลยี ดร. Cha ได้พัฒนา InBody เพื่อวิเคราะห์องค์ประกอบในร่างกายสำเร็จเป็นเครื่องแรกของโลกในปี ค.ศ. 1996 ซึ่งสามารถวัดได้หลากหลายความถี่ที่ส่วนต่างๆของร่างกาย
ปัจจุบันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของ InBody โดดเด่นมากในเรื่องของความเเม่นยำและความสะดวกสบายในการใช้งาน เป็นที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลายจากผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก และเป็นที่กล่าวถึงกันอย่างมากมายในบทความงานวิจัยด้านต่างๆ เช่น โภชนาการ, กีฬา และโรคอ้วน
1. Direct Segmental Measurement การวัดลำตัวแบบอิสระ
องค์ประกอบในร่างกายมนุษย์ ได้แก่ โปรตีน, แร่ธาตุ, น้ำในร่างกายและไขมันในร่างกาย ซึ่งเกี่ยวข้องกับสุขภาพโดยตรง การวิเคราะห์ส่วนประกอบเชิงปริมาณและการวิเคราะห์องค์ประกอบในร่างกาย สามารถให้ข้อมูลที่จำเป็นต่อการประเมินภาวะของร่างกาย
InBody วิเคราะห์องค์ประกอบในร่างกายได้อย่างเเม่นยำ วัดแยกค่าความต้านทานไฟฟ้าของร่างกาย (ลำตัว) ซึ่งมีพื้นที่มากกว่าแขน หรือขา คิดเป็นสัดส่วนได้มากถึง 50% ของน้ำหนักตัว
2. ความถูกต้องของการวัดหลายความถี่
การใช้ InBody วัดปริมาณน้ำภายนอกเซลล์และภายในเซลล์โดยใช้หลายความถี่ คือต้องใช้ความถี่ในแถบกว้างๆ ช่วง 1 kHz ถึง 1000 kHz
ความสามารถทะลุผ่านเยื่อหุ้มเซลล์จะต่างกันไปตามความถี่ วิธี BIA แบบดั้งเดิมไม่น่าเชื่อถือ ใช้เพียงความถี่เดียว คือ 50 kHz ในการแยกน้ำภายนอกและภายในเซลล์
InBody ประสบความสำเร็จสามารถเอาชนะข้อจำกัดของ BIA แบบดั้งเดิมได้ โดยใช้สูตรสัดส่วนคงที่หาปริมาณน้ำทั้งหมดในร่างกาย
3. Eight - Point Tactile Electrode กับสิทธิบัตรอิเล็กโทรดแบบนิ้วสัมผัส เพื่อความสะดวกในการใช้งาน
โครงสร้างร่างกายมนุษย์เป็นสิ่งที่ InBody นำมาใช้ในการพิจารณา โดยใช้ไฟฟ้า 2 กระแสแรงดันไฟฟ้าที่มือและเท้า ผู้ใช้จำเป็นต้องเข้าใจขั้นตอนการส่งกระแสไฟฟ้า 8 จุดทั่วร่างกาย
การวัดจะเริ่มต้นเเละสิ้นสุดที่จุดเดียวกัน ทั้งข้อมือและข้อเท้า เพื่อความมั่นใจว่าจะได้ผลที่ถูกต้องแม่นยำ การออกแบบช่วยเพิ่มความสะดวกการในใช้งาน มีการทดสอบหลายครั้ง แม้จะมีการเปลี่ยนเเปลงเกิดขึ้นขณะที่ทำการทดลอง
4. รายงานของร่างกายแต่ละบุคคล โดยไม่ต้องใช้ตัวแปรทางสถิติ
เพศ, อายุ หรือประเภทของร่างกาย คือตัวแปรทางสถิติ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ใช้คำนวณองค์ประกอบในร่างกาย
วิธี BIA แบบดั้งเดิม ให้ผลไม่ถูกต้องจึงจำเป็นต้องใช้องค์ประกอบในร่างกาย เนื่องจาก InBody สามารถวัดค่าความต้านทานไฟฟ้าได้หลายความถี่ และใช้ 8-Point Tactile Electrode ทำให้ได้ผลองค์ประกอบในร่างกายอย่างถูกต้อง โดยไม่ต้องใช้ตัวแปรทางสถิติ
การเปลี่ยนเเปลงองค์ประกอบในร่างกายมีความสำคัญ ตรวจสอบโดยวัดค่าความต้านทานไฟฟ้า InBody ได้พิสูจน์แล้วว่ามีมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ DEXA เท่ากับ 0.98 InBody จึงเป็นที่นิยมกันอย่างเเพร่หลายในงานวิจัยและคลินิกที่ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบในร่างกาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น